แบบไหนที่เรียกว่ามีเซลลูไลท์

ให้คุณลองเช็กด้วยวิธีง่าย ๆ ด้วยการเอามือจับส่วนหน้าท้องออกมาดูสักครึ่งนิ้ว หรือหงายท้องแขนแล้วใช้มืออีกข้างจับดึงชั้นไขมันท้องแขนออกมาให้ตึง หากพบว่าผิวของเรามีลักษณะคล้ายผิวส้มหรือผิวมะกรูด ก็นั่นแหละคือ “เซลลูไลท์” หากปล่อยทิ้งไว้ นานวันเข้ามันก็จะเริ่มมองเห็นได้ชัดเจนขึ้นโดยไม่ต้องจับหรือบีบดู

ประเภทของเซลลูไลท์

Soft Cellulite เป็นเซลลูไลท์ที่พบได้บ่อยในผู้หญิงอายุ 20-30 ปี มีลักษณะเป็นก้อนขนาดเล็ก เป็นริ้วลูกคลื่นแบบนิ่ม สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากพันธุกรรม

Hard Cellulite เป็นเซลลูไลท์ที่พบได้บ่อยในผู้หญิงอายุ 20-40 ปี มีลักษณะเป็นก้อนเล็กและแข็ง เมื่อบีบดูจะเห็นเป็นก้อนแข็งเล็ก ๆ อย่างชัดเจน พบได้บ่อยบริเวณบั้นท้ายและสะโพก

Edematous Cellulite เป็นเซลลูไลท์ที่มักพบได้กับผู้ที่มีการไหลเวียนของเลือดไม่ดี มีการคั่งของน้ำเหลือง จนทำให้มีลักษณะเหมือนการบวมน้ำ พอกดแล้วบุ๋ม พบได้บ่อยบริเวณสะโพก ต้นขา ซึ่งบริเวณที่เป็นนั้นจะมีผิวหนังบอบบางเห็นเส้นเลือดได้ชัดเจนและบวม

 

 

พัฒนาการของเซลลูไลท์

ระยะที่ 1 : เป็นระยะที่เริ่มจะมีพังผืดเกิดขึ้นแต่ยังไม่มาก ยังไม่สามารถสังเกตได้ทั้งจากการยืนหรือการนอน (ไม่เห็นเป็นผิวเปลือกส้ม) แต่เมื่อทดลองบีบเนื้อบริเวณนั้นดูจะปรากฏให้เห็นรอยบุ๋ม

ระยะที่ 2 : เช่นเดียวกับระยะที่ 1 คือยังไม่สามารถเห็นรอยบุ๋มได้ แต่เมื่อทดลองบีบเนื้อขึ้นมาจะพบว่ามีรอยบุ๋มเพิ่มมากขึ้นกว่าระยะแรก

ระยะที่ 3 : จะเริ่มสังเกตเห็นรอยของเซลลูไลท์ได้ชัดเจนในขณะยืน โดยไม่ต้องบีบดู แต่ในขณะนอนจะยังไม่สามารถเห็นรอยได้

ระยะที่ 4 : สามารถเห็นผิวมีลักษณะเป็นเปลือกส้มได้ทั้งหมดไม่ว่าจะยืนหรือนอน โดยไม่ต้องบีบดูแต่อย่างใด ระยะนี้จะเกิดการสะสมของเซลลูไลท์มาเป็นระยะเวลานานและรักษาได้ยากที่สุด

 

สาเหตุการเกิดเซลลูไลท์

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเชื่อว่า เซลลูไลท์เกิดจากการสะสมของเสียในเนื้อเยื่อร่างกาย ส่วนแพทย์เชื่อว่าเซลลูไลท์นั้นเกิดจากการสะสมของไขมันในเซลล์ที่มีไขมันมาก โดยเซลลูไลท์จะเริ่มต้นด้วยการเกิดเป็นไขมันบาง ๆ ในบริเวณที่มีปัญหาเรื่องการไหลเวียนของเลือด เช่น บริเวณต้นขา บั้นท้าย และต้นแขน เมื่อนานวันเข้าไขมันเหล่านี้จะสะสมตัวกันแน่นขึ้นเป็นถุง มีน้ำ ไขมัน และของเสียอยู่ปนกันมากขึ้น จนขยายบริเวณกว้างขึ้นและทำให้โป่งออกเป็นถุง ๆ ซึ่งการสะสมไขมันนั้นก็เกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยอาจจะเกิดจากสาเหตุเดียวหรือหลายสาเหตุร่วมกันก็ได้ คือ

  1. ไขมันส่วนที่เกิดจากการกินอาหาร ที่มีแป้ง ไขมัน รวมไปถึงผลไม้หวานจัดและน้ำตาลเข้าไป เมื่อร่างกายเผาผลาญหรือนำไปใช้ไม่หมดก็จะเกิดการเก็บสะสมไว้ในรูปของไขมัน เมื่อสะสมตัวมากเข้าก็จะกลายเป็นเซลลูไลท์ส่วนหนึ่งและทำให้ชั้นไขมันหนาขึ้น รูปร่างอ้วนด้วยอีกส่วนหนึ่ง
  2. ขาดการออกกำลังกาย การออกกำลังกายควรออกอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องกันเป็นเวลา 30 นาที จะช่วยเร่งการเผาผลาญและกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปได้ แต่การไม่ออกกำลังกายจะทำให้ระบบไหลเวียนในร่างกายทำงานได้ไม่ดี การกำจัดของเสียทางเลือดและน้ำเหลืองขัดข้องและคั่งค้าง และทำให้ฮอร์โมนไม่สมดุล จนกลายเป็นปัญหาต่อเนื่อง ลดความอ้วนอย่างรวดเร็ว จนส่งผลทำให้กลไกในร่างกายเกิดการตอบสนองว่าร่างกายเกิดการขาดสารอาหารและได้ทำการเก็บพลังงานเอาไว้ใช้ จนทำให้เกิดการสะสมของอาหารและไขมัน เมื่อไขมันส่วนเกินเหล่านี้ไม่ได้ถูกกำจัดออกไป ก็จะกลายเป็นเซลลูไลท์ขึ้นมา
  3. อยู่ในท่าเดียวนาน ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งนาน ๆ ยืนนาน ๆ หรืออยู่ในท่าเดียวเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดขัดข้อง การขับถ่ายของเสียทางเลือดและน้ำเหลืองไม่สะดวก นอกจากจะทำให้เกิดเซลลูไลท์แล้ว ยังอาจมีปัญหาเส้นเลือดขอดและเท้าบวมตามมาอีกด้วย
  4. ดื่มน้ำน้อยกว่าปกติ การดื่มน้ำให้มากพอจะช่วยหล่อเลี้ยงเซลล์ให้ทำงานได้ตามปกติ และน้ำยังเป็นส่วนหนึ่งของน้ำเลือดและน้ำเหลือง ที่จะช่วยให้การขับถ่ายของเสียนั้นเป็นไปอย่างปกติ
  5. การดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้เซลล์สูญเสียน้ำ การกำจัดของเสียทำงานได้ไม่ดี และแอลกอฮอล์ยังเข้าไปทำลายเซลล์ตับ จนทำให้ตับขจัดสารพิษได้ไม่ดีอีกด้วย
  6. การสูบบุหรี่ ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีแนวโน้มที่จะมีเซลลูไลท์มาก เพราะสารนิโคตินในบุหรี่จะไปอุดตันในเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดฝอยหดตัว และสารก่อมะเร็งชนิดอื่น ๆ ก็ยังเข้าไปทำลายเซลล์ ทำให้เนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกันถูกทำลาย เป็นผลให้เกิดคลื่นเซลลูไลท์ อีกทั้งบุหรี่ยังทำให้เกิดความผิดปกติของไตและปอดซึ่งเป็นอวัยวะในการขับถ่ายของเสีย
  7. ระบบเผาผลาญมีปัญหา อย่างบางคนกินอาหารน้อยแต่อ้วน เช่น ในคนที่อายุมากขึ้น หรือในโรคบางโรคก็มีส่วนทำให้ระบบเผาผลาญอาหารในร่างกายผิดปกติได้เช่นกัน เช่น โรคต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย
  8. ความไม่สมดุลของระบบฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน โดยที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเป็นตัวกระตุ้นการสะสมของไขมันในร่างกาย ในผู้หญิงจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนมากกว่าผู้ชาย จึงทำให้ผู้หญิงมีไขมันมากกว่าผู้ชาย ส่วนฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะเป็นตัวทำลายระบบไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองให้เสียไป จึงทำให้เกิดการสะสมของสารพิษและทำลายโครงสร้างผิวหนังให้หย่อนคล้อยเสียความยืดหยุ่น ผิวจึงเป็นก้อนไม่เรียบเนียน
  9. ความบกพร่องของระบบขับถ่ายของเสีย เมื่อร่างกายมีการขับถ่ายของเสียออกมาได้อย่างไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ เช่น จากตับและไต ระบบการไหลเวียนของเลือดไม่ปกติ ของเสียที่สะสมไว้ในร่างกายเหล่านี้จะค่อย ๆ ก่อตัวเป็นเซลลูไลท์
  10. การตั้งครรภ์และภาวะหมดประจำเดือน จนทำให้เกิดความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน
  11. ความเครียด อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์ เพราะความเครียดจะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัว โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า คอ บ่า ไหล่ และศีรษะ จนเกิดการสะสมของเสียในกล้ามเนื้อ ขัดขวางเนื้อเยื่อไม่ให้กำจัดของเสีย
  12. การสวมเสื้อผ้ารัดแน่น เช่น เสื้อนักศึกษาหญิงที่นิยมใส่จนรัดติ้ว ทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้น้อยลง และทำให้การไหลเวียนบริเวณผิวหนังลดลงด้วย
  13. ขัดถูผิวในขณะอาบน้ำทุกวัน ด้วยการใช้แปรงแห้ง ๆ นุ่ม ๆ เช่น ฟองน้ำ ใยบวบ หินขัด หรือครีม นำมาขัดวนไปมาประมาณวันละ 2-3 นาที จะช่วยทำให้ระบบต่อมน้ำเหลืองไหลเวียนได้ดีและเป็นการช่วยขจัดเซลล์ไขมัน เพราะความร้อนจากการขัดถูจะทำให้ไขมันบางส่วนละลายได้ หากต้องการขัดทั้งตัวควรเริ่มต้นจากการขัดบริเวณเท้าไล่ขึ้นมาสู่ช่วงบนร่างกายไปจนถึงต้นคอ บ่า ไหล่ วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้ นอกจากนี้เวลาอาบน้ำ (จะตอนเย็นหรือตอนเช้าก็ได้) ให้เราใช้น้ำร้อนฉีดสลับกับน้ำเย็นบริเวณที่เป็นเซลลูไลท์เพื่อกระตุ้นเนื้อเยื่อและเร่งการเผาผลาญพลังงานของเซลล์ให้ดีขึ้น
  14. นวดน้ำมัน ให้เราใช้น้ำมันสำหรับการนวดผสมกับน้ำมันหอมระเหยมาทาผิวเพื่อให้ผิวลื่น จะช่วยทำให้นวดได้คล่องขึ้นและไม่รั้งผิวจนทำให้ผิวเหี่ยวย่น แถมยังช่วยทำให้ระบบการไหลเวียนดีขึ้นและกระตุ้นประสิทธิภาพของระบบการกำจัดของเสียของร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ด้วยการกระตุ้นระบบต่อมน้ำเหลืองที่ช่วยย่อยไขมัน โดยให้เน้นนวดวนและบีบ ๆ เฉพาะส่วนในจุดที่การไหลเวียนไม่ดี เช่น หัวเข่าด้านในและต้นขา เพื่อเป็นการช่วยละลายไขมันและกำจัดพิษคั่งค้าง หรือคุณจะใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากขิงและส้มก็ได้ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดของเสียในร่างกาย โดยให้เน้นนวดบริเวณที่มีเซลลูไลท์ ซึ่งวิธีการนวดก็ไม่ยากเลย เพียงแค่ใช้อุ้งมือนวดคลึงเป็นวงกลมโดยใช้สันมือโอบรอบบริเวณที่มีเซลลูไลท์ และทำซ้ำกัน ๆ ไปเรื่อย ๆ
  15. ครีมนวดสลายเซลลูไลท์ โดยใช้ร่วมกับการนวด วิธีนี้จะช่วยทำให้เซลลูไลท์ดูเบาบางลงได้ ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อ แต่ครีมนวดที่ใช้ควรจะมีส่วนผสมสำคัญที่สกัดจากธรรมชาติ ดังนี้ กาเฟอีน (Caffeine) ที่ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญอาหารในร่างกายและเร่งการเผาผลาญไขมัน จึงช่วยในการลดน้ำหนักได้, โกโก้ (Activated Cocoa Bean Concentrate) นิยมใช้ร่วมกับกาเฟอีน สามารถช่วยขจัดไขมันและยับยั้งการสะสมของน้ำตาลที่เหลือในเนื้อเยื่อไขมันได้, ไคโตซาน (Chitosan) ช่วยขจัดไขมันได้ โดยประจุบวกของไคโตซานจะช่วยดักจับกรดไขมันอิสระและคอเลสเตอรอลที่มีประจุลบ ซึ่งจะถูกขับถ่ายออกมาพร้อมกับไขมันส่วนเกิน, สารสกัดแคปไซซิน (Capsaicin) เป็นสารสกัดที่ได้จากพริก มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มระดับของเอนไซม์ในตับ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำให้ไขมันแตกตัว การช่วยเร่งเมตาบอลิซึ่ม จึงช่วยทำให้น้ำหนักตัวลดลง, สารสกัดจากส้มแขก ซึ่งมีคุณสมบัติในการขัดขวางการเปลี่ยนแปลงของสารอาหารจำพวกน้ำตาลกลูโคสเป็นสารอาหารจำพวกไขมันสะสมได้ และยังช่วยเร่งการสลายไขมันเก่าที่สะสมอยู่ได้อีกด้วย ฯลฯ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อย่างแน่ชัดว่า สารเหล่านี้จะสามารถซึมผ่านเซลล์ผิวหนังลงไปละลายไขมันและไปลดก้อนไขมันได้จริงหรือไม่
  16. การทำทรีตเมนต์ตามคลินิก เพื่อกำจัดเซลลูไลท์ โดยเป็นการทำให้เซลลูไลท์แตกตัว คุณอาจจะต้องได้รับการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ร่วมกับการลดน้ำหนัก, ออกกำลังกาย, ควบคุมอาหารนวดแบบอโรมาเธอราพี (ใช้น้ำมันหอมสกัดจากพืชซึ่งจะสามารถดึงเอาสิ่งสกปรกออกจากผิวได้)การนวดตัว (เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและปลดปล่อยของเสีย) หลังการทำทรีตเมนต์ประมาณ 1-2 สัปดาห์ คุณจะรู้สึกได้ว่าผิวบริเวณนั้นจะอ่อนตัวลง
  17. อย่างไรก็ตาม การกำจัดเซลลูไลท์นั้นมีพื้นฐานของการรักษา คือ การควบคุมอาหาร รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ๆ เน้นการออกกำลังกายร่วมกับการนวดตามบริเวณที่มีเซลลูไลท์ ส่วนวิธีอื่น ๆ ที่กล่าวมานั้นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาเซลลูไลท์ได้เช่นกัน แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะถ้าเราไม่หมั่นออกกำลังกายและควบคุมอาหารให้เหมาะสมแล้วล่ะก็ เซลลูไลท์เหล่านั้นมันก็จะกลับมาอีกอย่างแน่นอน เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตนิดหน่อย เซลลูไลท์ก็หายไปแล้ว
Visitors: 599,883