Bo ศัลยกรรมธรรมชาติ
Bo ,Filler, Mesofat
ศัลยกรรมเสริมแต่ง VS ศัลยกรรมธรรมชาติ Pravinia
ขึ้นชื่อหัวข้อมาแบบนี้คงเดากันได้ไม่ยากว่าประเด็นที่ครูบีกำลังจะพูดถึงคืออะไรใช่ไหมคะ...
แน่นอนทุกคนให้ความสำคัญกับรูปร่าง หน้าตา ภาพลักษณ์ ผิวพรรณ และบุคลิกภาพ
คนที่เกิดมาสวยพร้อมหล่อเพียบหรือดูดีในระดับหนึ่ง
ก็คงไม่มีปัญหาเรื่องความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเอง
แต่หากใครสักคนหนึ่งที่เกิดมามีไม่พร้อมก็อยากเสริมนู่นนิดนี่หน่อยเป็นเรื่องธรรมดา
เจอศัตรูตัวฉกาจอย่าง ‘กระจก’ แต่ละทีก็อยากจะถอดรองเท้าปาใส่ให้แตกซะดื้อๆ
ไม่เป็นไรค่ะครูบีเข้าใจ เพราะ ‘เถ้าแก่เนี๊ยะ’ วัย 40 ปลายๆ คนนั้น>>>ก็เคยเป็นอดีตที่ครูบีโล๊ะทิ้งไปแล้ว
ครูบีสวยได้ >>> ทุกคนก็บริ๊งค์ๆ ดูอ่อนกว่าวัยได้เช่นกัน
ด้วย ‘ความอยาก’ นี้เอง >>> อยากสวย อยากหล่อ อยากดูดี
หน้าเรียวเล็กวีเชฟ
ไร้เหนียง เลี่ยงริ้วรอย กาไม่มาเกาะ
ร่องลึกไม่มาแซมบนหน้าผาก ข้างแก้ม...ตึงกระชับ
โอย...สารพัดจะทำให้หน้าเป๊ะได้ทุกองศา
ใครๆ ก็พร้อมจะทุ่มเททั้งเงินและความเสี่ยง
ทำให้การทำศัลยกรรมตกแต่งในบ้านเราเติบโตและขยายวงกว้างสู่ชุมชนขึ้นเรื่อยๆ
เพราะไม่เพียงมีการให้คำปรึกษาและทำศัลยกรรมในโรงพยาบาล
คลินิกเสริมความงามเท่านั้น ทั้งหมอกระเป๋า หมอคอนโด หมออพาร์ทเม้นต์ หมอฟรุ้งฟริ้ง
ก็พาเหรดกันมาให้เลือกฉีดตามใจสั่ง
ข่าวเสพติดศัลยกรรมจนหน้าพังจึงมีออกมาให้เห็นกันทุกวี่วัน
ที่สำคัญ นอกจากศัลยกรรมตกแต่งที่ต้องมีการผ่าตัด เช่น
เสริมจมูก ยัดซิลิโคน ขูด เหลา ผ่าตัดกรามกันให้วุ่นวาย การร้อยไหม ฉีดโบ ฟิลเลอร์ Filler เมโสแฟต Mesofat
ก็เข้ามาเติมเต็มช่องว่างในใจและบนใบหน้าแบบเห็นผลทันที
แต่! ถ้าลองมองตามความเป็นจริง
สารต่างๆ เหล่านั้นเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปทำปฏิกิริยาอย่างไรกับระบบภายในของเราบ้าง
ใครจะทราบความจริงข้อนี้?
ลองมาดูกันว่าการฉีดแบบต่างๆ มีกระบวนการอย่างไร?
เมื่อฉีดแล้วเห็นผลชัดเจนก็จริงแต่มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง?...
โบ
เป็นชื่อทางการค้าของสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างจากแบคทีเรียชื่อ ครอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ถูกค้นพบโดยจิสทินัส เคอร์เนอร์ นายแพทย์ชาวเยอรมัน หากถามว่าฉีดโบ อันตรายหรือไม่ แม้ในต่างประเทศจะไม่พบผู้ใช้ที่มีอันตรายถึงชีวิต หากใช้โดยผู้เชี่ยวชาญและฉีดเพื่อความงาม แต่ผลข้างเคียงส่วนมากมักเกิดขึ้นเฉพาะที่ อาทิ หนังตาตก กลืนอาหารลำบาก หน้าไม่สมมาตร (หน้าเบี้ยว) ใบหน้าบางส่วนเป็นอัมพาต ผิวเห่อแดงจากการแพ้ ปวดศีรษะ เกิดจุดเลือดออกในบริเวณที่ฉีดซึ่งเกิดได้แม้ในมือผู้เชี่ยวชาญ แพทย์และผู้ใช้จึงควรคุยกันโดยละเอียดก่อนการฉีดทุกครั้ง แต่ในประเทศไทยเรามักได้ยินข่าวโบ ปลอม ฉีดแล้วสารสะสมคั่งค้างจนเกาะกันเป็นพังผืด อันตรายถึงขั้นพิการได้เลยก็มี
การฉีดฟิลเลอร์ (Filler)
ส่วนใหญ่ใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มจุดที่ผู้ป่วยรู้สึกเป็นปัญหา เช่น ร่องแก้มลึกก็ฉีดเพื่อทำให้ร่องแก้มตึง หรือคางสั้นก็ฉีดสารนี้เข้าไปเติมเพื่อให้คางแหลม แน่นอนว่าผลข้างเคียงของฟิลเลอร์ก็มีไม่น้อยหน้าโบ จากการสรุปผลข้างเคียงการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มส่วนต่างๆ เนื้อเยื่อข้างเคียงในจุดที่ฉีดจะตายเพราะการที่อนุภาคของสารเติมเต็มไปอุดตันเส้นเลือดขนาดกลางไว้พบได้บริเวณข้างจมูกและปีกจมูกจากการเติมร่องแก้มหรือการฉีดเสริมจมูกอีกทั้งยังสามารถเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ จมูกโตขึ้นเรื่อยๆ ในกรณีที่ฉีดสารนี้หลายๆ ครั้งทำให้พังผืดเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น แม้ว่าสารบางอย่างจะมีการโฆษณารับประกับความปลอดภัยว่าผ่านอย.ก็มิได้การันตีว่าจะได้ผลดีและไร้ซึ่งผลข้างเคียงเสมอไป เพราะหากกระทำโดยขาดความเชี่ยวชาญและความรอบคอบแล้วผลข้างเคียงย่อมเป็นความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
เมโสแฟต ฉีดสลายไขมันส่วนเกิน Mesofat
ในปัจจุบันนี้มีการพัฒนาตัวยาฉีดสลายไขมันสำหรับทำ Mesofat ให้สะดวกและทันสมัยยิ่งขึ้น ได้ผลมากขึ้น เร็วขึ้น และผลข้างเคียงเรื่องการฟกช้ำหลังฉีดน้อยลง กลไกของการสลายไขมันด้วยการฉีดแบบ Mesofat พบว่าตัวยาจะเข้าไปทำให้ผนังไขมันแตกตัวออก ไขมันที่จับตัวกันเป็นก้อนๆ จะสลายเป็นไขมันเหลว (Lipid Fat) จากนั้นถูกขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระแม้ว่าการฉีดเมโสแฟตจะดูมีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ยั่งยืนตลอดไป ต้องฉีดซ้ำ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง แถมหากต้องการปรับหน้าให้เรียวก็นิยมทำควบคู่กับการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปอีก
ที่ครูบีนำความรู้เหล่านี้มาเล่าให้ฟัง ไม่ใช่ว่าครูจะแอนตี้หรือบอกว่าการทำศัลยกรรมผิด ไม่ควรทำ ไม่ดี หรือโจมตีใครนะคะ ‘ใบหน้าใคร...ใครก็รัก’ หากนักเรียนผู้เป็นที่รักหรือคุณผู้อ่านตัดสินใจจะทำศัลยกรรมใดๆ ก็ตาม...ควรหาข้อมูลให้ลึกๆ อย่ารีบร้อน อย่าด่วนตัดสินใจจนเจอหมอหรือคลินิกที่ไม่ใส่ใจผลลัพธ์หรือผลข้างเคียงของเรา เพราะสุดท้ายแล้วหากพลิกล็อกหน้าพังยับเยิบ หมอได้เงิน...เราได้อะไร?! ศัลยกรรมมีความเสี่ยง ใครๆ ก็เตือนกัน... คิดให้ดี คิดให้หนัก คิดให้ยาว เพื่อผลลัพธ์อันดีที่จะอยู่บนใบหน้าของเราไปโดยถาวร
แต่ก่อนวินาทีสุดท้ายในการตัดสินใจจะมาถึง
ครูบีขอให้ข้อมูลของศาสตร์นวดออกกำลังหน้าเรียว ที่มีเทคนิคการนวดหน้าแบบพิเศษ มีทั้งการตบการ เคาะหน้าเด้ง
ยกกระชับผิวให้ดูเปล่งปลั่ง อ่อนเยาว์
ให้ศาสตร์นี้เป็นทางเลือกในการดูแล ปรับรูปหน้า ปรับสมดุลระบบน้ำเหลือง
และทำให้ทุกคนดูดีขึ้นอย่างปลอดภัย โดย ‘การศัลยกรรมธรรมชาติ...สไตล์พราวีเนีย’
สำหรับประโยชน์ของการนวดหน้า
ครูบีมักสอนในช่วงการเรียนทฤษฎีเสมอว่าการนวดหน้าเพื่อ ออกกำลังกายกล้ามเนื้อใบหน้า
นอกจากจะเป็นการเบิร์นไขมันสะสม ลดริ้วรอย แก้ปัญหาทุกส่วนบนใบหน้า
ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณใบหน้า เร่งเซลล์ผิว คอลลาเจน
กระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าให้แข็งแรง หลังนวดเสร็จผิวหน้าจะใส ตึงกระชับ
และขจัดความหมองคล้ำบนใบหน้าได้ดี
โดย 12 ขั้นตอนการนวดหน้าเรียว...
เริ่มจากการทำความสะอาดใบหน้า
ใช้สำลีห้าแผ่นเช็ดทำความสะอาดครีมกันแดดหรือเมคอัพต่างๆ ให้หมดจดเสียก่อน
จากนั้นล้างหน้าให้ลูกค้าด้วยเจลหรือโฟมที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าของลูกค้าแต่ละท่าน
นวดวนเบาๆ ทำความสะอาดตามคาถาพารวย จากแก้มนอก...แก้มใน...กระทั่งถึงหน้าผาก ไล้ลงมาที่คาง...คอ
จากนั้นให้ใช้สครับ...ในการช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดออกไป ทำความสะอาดรูขุมขน ผลัดเซลล์ผิวและสิ่งสกปรก ทำให้ผิวหน้าสะอาดและสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ***ควรใช้สครับที่มีเม็ดบีทกลม เพราะเม็ดสครับจะไม่บาดหรือระคายเคืองผิวหน้า การสัมผัสที่อ่อนละมุนจะทำให้ลูกค้าสบายผิวและรู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพของเรามากขึ้นอีกระดับหนึ่ง
เมื่อเตรียมผิวหน้าเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลานวดหน้าเรียวสไตล์พราวีเนีย ซึ่งการนวดหน้านั้นเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณใบหน้า (อย่างที่กล่าวไปข้างต้น) และเป็นการคลายเครียดผิวหน้า โดยนวดทั้งหมด 3 รอบ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ไม่เกิน 60 นาที เพราะการออกกำลังกายไม่ควรหักโหมเกินไปฉันใด การเบิร์นไขมันบนใบหน้าของลูกค้าก็ไม่ควรถูกทุบ เคาะ นวดอย่างรุนแรงเกินไปฉันนั้น
ส่วนท่านวดต่างๆ ครูบีขออนุญาตสงวนไว้ให้ลูกศิษย์พราวีเนียเท่านั้นนะคะ แต่หากใครสนใจอยากรู้เคล็ดลับการศัลยกรรมศาสตร์ธรรมชาตินี้อย่างจริงจัง ลองแวะมาหาครูบีที่พราวีเนีย สต๊าฟและนักเรียนทุกคนยินดีต้อนรับ แล้วเราจะเผยความลับให้ทราบหมดทั้งตัวและหัวใจ ^^
เมื่อออกกำลังกายใบหน้าและเดรนน้ำเหลืองเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงการปิดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กัน เหมือนการไปฟิตเนสแล้วต้องซาวน่า ไปว่ายน้ำแล้วต้องใส่บิกินี่ นั่นก็คือ ‘การมาส์คหน้า’ ด้วยมาส์คนิ่มสูตรพิเศษที่พราวีเนียเลือกใช้ ส่วนผสมของมาส์คนี้จะช่วยล็อคหน้าให้วีเชฟ ยกกระชับผิวให้เต่งตึงยิ่งขึ้น คล้ายการร้อยไหมแบบธรรมชาติ แถมยังได้เก็บกักความชุ่มชื้นให้ผิวหน้านุ่ม ใส ดูอิ่มน้ำแบบสุขภาพดี เรียกว่าเป็นเทพแห่งมาส์คทั้งปวง ครูบีลองมาหมดแล้ว! พิสูจน์ได้ด้วยตาคุณเอง... (รูปภาพ Before – After)
คำแนะนำจากครูบี
1. การนวดหน้าเรียวให้เห็นผลชัดเจน ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 สัปดาห์ ซึ่งจำเป็นต้องอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจถึงผลดีของการรับบริการอย่างต่อเนื่องด้วยความสัตย์จริง
2. Face Therapist ที่ดี ควรตัดเล็บให้สั้น ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสกับใบหน้าลูกค้า คำนึงถึงผลลัพธ์ ความพึงพอใจ และความรู้จริงที่สามารถตอบคำถามลูกค้าได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ
3. ครีมนวดหน้า บำรุงผิว มอยซ์เจอไรเซอร์ ควรเลือกสูตรสำหรับผิวแพ้ง่ายที่มีการรับรองหรือมาตรฐานการันตีระดับสากล และควรเป็นผลิตภัณฑ์แบรนด์เดียวกันทุกตัว เพื่อให้ค่า PH ปรับสมดุลกันได้ดียิ่งขึ้น
4. หลังนวดและแพ็คหน้าสไตล์ญี่ปุ่น ควรนวดเก็บรายละเอียดงานอีกครั้งเบาๆ ด้วยครีมบำรุง ก่อนจะมาส์คหน้าให้ลูกค้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย
5. การเลือกครีมกันแดด ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF เหมาะสม รวมถึงมี PA+++ ที่จะช่วยการปกป้องรังสีจากแดดให้ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
6. การให้ข้อมูลกับลูกค้าควรให้ด้วยความจริงใจ เราอาจสอนวิธีเดรนน้ำเหลืองให้ลูกค้า หรือวิธีนวดหน้าตัวเองเพื่อบล็อกผิวหน้าที่ถูกกระตุ้นให้ยกกระชับแล้วอยู่ได้นานขึ้น จนกว่าจะถึงวันนัดนวดอีกครั้ง การทำเช่นนี้จะสร้างความประทับใจ ความเชื่อถือ ให้คุณสามารถผูกมิตรกับลูกค้าได้ในระยะยาวแน่นอน
7. การกดจุด เป็นการกดเพื่อผ่อนคลายเซลล์ประสาทต่างๆ ทั่วใบหน้า กระตุ้นกระชับรูขุมขน ทำใบหน้าสดใสมีน้ำมีนวล
เห็นไหมคะ...ว่าการศัลยกรรมเสริมแต่งโดยการฉีดสารใดๆ เข้าไป
กับการนวดเอาไขมันส่วนเกินออกมาด้วยการศัลยกรรมธรรมชาติแตกต่างกันอย่างไร
ทางเลือกที่ดีกว่าทุกคนย่อมมีสิทธิ์เลือก ฉะนั้นตัดสินใจดีมีชัยไปกว่าครึ่งนะคะ :)
อย่าลืมแอดไลน์ ติดตามข้อมูลดีๆ ID Line: @pravinia
Tel. 02-004-9545